ครอบฟัน-ใส่รากฟันเทียม ฟื้นฟูฟันสวย
ใช้งานได้อย่างมั่นใจ

ครอบฟัน คือการสวมครอบบนตัวฟันธรรมชาติที่ยังเหลืออยู่ เพื่อปกป้องและฟื้นฟูความแข็งแรงและความสวยงาม ใช้ในกรณีที่ฟันแตก บิ่น ผุขนาดใหญ่ หรือผ่านการรักษารากฟันมาแล้ว

ส่วนรากฟันเทียม เป็นการฝังหลักไทเทเนียมเข้าไปในกระดูกขากรรไกร เพื่อทดแทนรากฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป แล้วจึงใส่ฟันเทียมบนหลักนั้น ใช้ในกรณีที่สูญเสียฟันไปแล้วทั้งซี่

• ฟันแตกหรือบิ่นมากเกินกว่าจะอุดธรรมดาได้

• ฟันที่ผ่านการรักษารากฟันแล้ว

• ฟันที่มีรอยผุขนาดใหญ่ หรือมีการอุดขนาดใหญ่

• ฟันที่มีการแตกบ่อย ๆ

• ฟันที่สึกมากจากการนอนกัดฟัน

• ฟันที่มีปัญหาด้านความสวยงาม เช่น เปลี่ยนสี หรือมีรูปร่างผิดปกติ

รากฟันเทียมทั้งปากเหมาะสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันทั้งหมดหรือกำลังจะสูญเสียฟันทั้งปาก เป็นทางเลือกที่ดีกว่าฟันปลอมแบบถอดได้ ให้ความรู้สึกและการใช้งานใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด ช่วยป้องกันการฝ่อตัวของกระดูกขากรรไกร และเพิ่มคุณภาพชีวิตด้วยความมั่นใจในการรับประทานอาหารและการพูดคุย

ไม่จำเป็นเสมอไป การใส่เดือยฟันก่อนครอบฟันจะพิจารณาจากปริมาณฟันธรรมชาติที่เหลืออยู่ หากฟันเหลือน้อยเกินไปที่จะรองรับครอบฟัน จำเป็นต้องใส่เดือยฟันเพื่อเสริมความแข็งแรง โดยเฉพาะในฟันที่ผ่านการรักษารากฟันมาแล้ว ทันตแพทย์จะประเมินและแนะนำวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละกรณี

การครอบฟันโดยทั่วไปใช้เวลา 2-3 ครั้ง

1. ครั้งแรก : ทันตแพทย์จะกรอแต่งฟันให้ได้รูปทรง ทำพิมพ์ปาก และใส่ครอบฟันชั่วคราว

2. ระหว่างนั้น : ห้องปฏิบัติการจะผลิตครอบฟันตามพิมพ์ฟัน (ประมาณ 1-2 สัปดาห์)

3. ครั้งที่สอง : ใส่ครอบฟันถาวร ตรวจสอบการสบฟัน และยึดติดอย่างถาวร

1. การวางแผนการรักษา : ตรวจ X-ray และ CT scan เพื่อประเมินโครงสร้างกระดูก

2. การฝังราก : ผ่าตัดฝังหลักไทเทเนียมเข้าไปในกระดูก (ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง)

3. การเชื่อมติด : รอให้รากฟันเทียมเชื่อมติดกับกระดูก (ประมาณ 3-6 เดือน)

4. การใส่ฟัน : ใส่ครอบฟันหรือฟันเทียม บนรากฟันเทียม

การครอบฟันไม่มีความเจ็บปวดมาก เนื่องจากจะมีการฉีดยาชาก่อนกรอฟัน อาจมีอาการเสียวฟันเล็กน้อยหลังการรักษา

สำหรับการใส่รากฟันเทียม จะมีการวางแผนการระงับความเจ็บปวดอย่างเหมาะสม โดยการใช้ยาชาเฉพาะที่ ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะรู้สึกไม่สบายช่องปากเล็กน้อยหลังการผ่าตัด 2-3 วัน ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวดทั่วไป

- ครอบฟัน มีอายุการใช้งานประมาณ 10-15 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและวัสดุที่ใช้

- รากฟันเทียม สามารถอยู่ได้ตลอดชีวิตหากมีการดูแลที่ดี ในขณะที่ฟันเทียมที่ใส่บนรากอาจต้องเปลี่ยนทุก 10-15 ปี

• แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ

• ใช้แปรงซอกฟันหรืออุปกรณ์ทำความสะอาดพิเศษสำหรับรากฟันเทียม

• พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง

• หลีกเลี่ยงการกัดของแข็งมาก ๆ เช่น น้ำแข็งหรือเมล็ดพืชแข็ง

• เฝือกสบฟัน (Night Guard) หากมีปัญหานอนกัดฟัน

แนะนำให้นัดล่วงหน้า เนื่องจากการรักษาต้องใช้เวลาและความละเอียดในการวางแผน คุณสามารถติดต่อนัดหมายได้ทางโทรศัพท์ LINE หรือผ่านเว็บไซต์ของเรา